รัสเซีย ฉลองวันครบรอบ 78 ปีวันแห่งชัยชนะเหนือทัพนาซี

ในปีนี้ แม้ว่าจะติดหล่มอยู่ในภาวะสงครามยูเครน ที่ยืดเยื้อจนเข้าสู่ปีที่สองแล้ว แต่รัสเซียยังคงเดินหน้าจัดพิธีเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะตามธรรมเนียมที่เคยทำมา ท่ามกลางการเฝ้าสังเกตการณ์ของหลายฝ่ายว่าพิธีจะมีขนาดเล็กลง เนื่องจากรัสเซียสูญเสียกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากไปกับการทำสงครามในยูเครน

ภาพพิธีสวนสนามวันแห่งชัยชนะที่จัตุรัสแดงในกรุงมอสโกที่ทั่วโลกต่างเฝ้ารอ โดยในปีนี้พิธีสวนสนามถูกจัดขึ้นในเวลา 10.00 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น

เอกสารลับที่ถูกอ้างเป็นข้อมูลข่าวกรองสหรัฐฯ คาดสงครามยูเครน-รัสเซีย มีแนวโน้มยืดเยื้อตลอดปี

รัสเซีย อ้างโดรนยูเครน 2 ลำ โจมตีเครมลินหวังสังหาร“ปูติน”

กองทัพรัสเซียได้นำกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ เข้ามาร่วมพิธีสวนสนามในครั้งนี้ โดยยุทโธปกรณ์ที่ถูกนำมาเข้าร่วมขบวน มีตั้งแต่ขีปนาวุธต่อต้านอากาศรุ่นเอส-400 (S-400) ขีปนาวุธยุทธศาสตร์รุ่นอาร์เอส-24 ยาร์ (RS-24 Yars) รถถังที-14 อาร์มาตา

อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าองค์ประกอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ หรือกำลังพลที่เข้าร่วมพิธีสวนสนามในวันนี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก เมื่อเทียบกับปี 2021 ก่อนที่รัสเซียจะเข้ารุกรานยูเครนนอกจากนี้ พิธีสวนสนามเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะปีนี้ มีสิ่งหนึ่งหนึ่งที่หายไปคือ ขบวนกองพันทหารอมตะ หรือ Immortality Regiment

ขบวนกองพันทหารอมตะเป็นการเดินขบวนของประชาชนชาวรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นทหารผ่านศึก ครอบครัวของทหารผ่านศึก หรือประชาชนทั่วไปที่ต้องการรำลึกถึงญาติหรือคนใกล้ชิดที่ล่วงลับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้ที่เข้าร่วมกองพันทหารอมตะนี้ ถ้าเป็นทหารผ่านศึกจะใส่ชุดทหารพร้อมเหรียญเกียรติยศ ถ้าเป็นประชาชนธรรมดาอาจใส่ชุดคล้ายเครื่องแบบทหารหรือชุดธรรมดามาเข้าร่วม

แต่จุดเด่นของกองพันทหารอมตะนี้ คือผู้ที่เข้าร่วมเดินขบวนจะถือหรือชูรูปบุคคลที่อาจเป็นญาติหรือคนใกล้ชิดที่เคยร่วมรบหรือเสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 จุดเริ่มต้นของขบวนกองพันทหารอมตะเกิดจากนักข่าวรัสเซียรายหนึ่ง ที่เสนอให้รัฐบาลจัดขบวนของประชาชนรัสเซียเพื่อไว้อาลัยและเชิดชูเกียรติบรรพบุรุษที่ได้เข้าร่วมในมหาสงครามพิทักษ์ปิตุภูมิในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

หลังจากนั้น ขบวนกองพันทหารอมตะก็ได้รับความนิยมและแพร่หลายไปในหลายเมือง ประธานาธิบดีปูตินเองก็มักเข้าร่วมขบวนกองพันทหารอมตะนี้เกือบทุกปี

อย่างไรก็ดี เยเลนา ซูนาเยฟวา ประธานร่วมของขบวนทหารอมตะในรัสเซียระบุเมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมาว่า ปีนี้จะไม่มีขบวนกองพันทหารอมตะในพิธีเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะ เพราะผู้จัดงานไม่ได้ยื่นขออนุญาตรัฐบาล เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย

แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าสาเหตุหนึ่งที่รัฐบาลรัสเซียไม่จัดขบวนดังกล่าวในปีนี้ เป็นเพราะไม่ต้องการสร้างแรงปะทะกับบรรดาญาติของทหารที่เสียชีวิตในปฏิบัติการพิเศษทางการทหารในยูเครนที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้

นอกจากรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่หลายฝ่ายเฝ้ารอในพิธีเฉลิมลองวันแห่งชัยชนะ คือ สุนทรพจน์ของผู้นำรัสเซีย ในการกล่าวสุนทรพจน์ปีนี้ ผู้นำรัสเซียระบุว่า โลกกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนที่สำคัญและกำลังเกิดสงครามขึ้นในแผ่นดินรัสเซียแล้ว ก่อนจะย้ำว่าสิ่งเดียวที่รัสเซียต้องการคืออนาคตของโลกที่สงบสุข

นอกจากนี้ ผู้นำรัสเซียยังได้พูดถึงทหารที่เสียชีวิตในยูเครนและบอกใบ้ถึงทิศทางของสงครามในยูเครนด้วยเช่นกัน โดยผู้นำรัสเซียได้กล่าวกับบรรดาทหารรัสเซียที่กำลังรบบอยู่ในยูเครน พร้อมประกาศว่าอนาคตความมั่นคงของรัสเซียขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของสงครามยูเครนในวันนี้

หลายฝ่ายบอกว่า เมื่อพิจารณาจากสุนทรพจน์ของผู้นำรัสเซียแล้ว เป็นที่แน่ชัดว่าสงครามยูเครนอาจยังไม่จบในเร็วๆ นี้ เพราะหนึ่งในเป้าหมายของรัสเซียยังคงชัดเจนว่า รัสเซียต้องการเปลี่ยนผู้นำรัฐบาลยูเครนและทำให้ยูเครนปลอดกองทัพนาซี ที่รัสเซียกล่าวอ้างมาโดยตลอด

แม้ในตอนนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ง่ายของรัสเซีย แต่สาเหตุที่รัสเซียยังคงจัดพิธีเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะ เป็นเพราะว่าวันนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อหน้าประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของรัสเซีย

9 พฤษภาคม ถือเป็นหนึ่งในวันที่มีความสำคัญมากที่สุดวันหนึ่งของปฏิทินการเมืองของรัสเซีย เพราะเป็นวันที่กองทัพแดงของสหภาพโซเวียตสามารถเอาชนะกองทัพนาซีของเยอรมนีได้และนำไปสู่การสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2

สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ปี 1939 เมื่อกองทัพนาซีเยอรมนีเข้ารุกรานเพื่อนบ้านในยุโรป เริ่มจากโปแลนด์ไปจนถึงฝรั่งเศส

หลังจากนันในเดือนมิถุนายน ปี 1941 ฮิตเลอร์สั่งกองทัพนาซีหลายล้านนายบุกสหภาพโซเวียตแบบสายฟ้าแลบในยุทธการที่มีชื่อว่า “บาบารอสซา” โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อขยายดินแดนและกำจัดลัทธิคอมมิวนิสต์

โจเซฟ สตาลิน ผู้นำสหภาพโซเวียตในเวลานั้น สั่งระดมกำลังกองทัพแดงตั้งรับการเข้ามาของกองทัพนาซี การสู้รบในหลายสมรภูมิ เช่น สมรภูมิสตาลินกราด สมรภูมิรเชฟ เป็นไปอย่างดุเดือด

กองทัพนาซีเริ่มเสียเปรียบเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ท่ามกลางอากาศที่เย็นจัดและอุณหภูมิติดลบ 20 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เกิดปัญหาการส่งกำลังบำรุงทั้งอาวุธ กระสุน เสื้อผ้าและอาหารให้กับทหารในแนวหน้าทหารนาซีหลายแสนนายเสียชีวิตจากการถูกกองทัพแดงสังหาร บางส่วนหนาวตาย

ทางด้านสหภาพโซเวียตเองก็มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โดยประเมินว่ามีทั้งหทารและพลเรือนเสียชีวิตรวมกว่า 27 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม ชาวโซเวียตสามารถปกป้องแผ่นดินได้ ยุทธการบาบารอสซาที่ดำเนินอยู่กว่า 10 เดือนจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของกองทัพนาซี

ต่อมาในเดือนเมษายน 1945 กองทัพแดงของสหภาพโซเวียตร่วมกับกองทัพของสัมพันธมิตรที่ประกอบไปด้วย สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เข้าล้อมกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมนีกองทัพนาซีกำลังถูกตีต้อนให้จนมุม ก่อนที่ 30 เมษายน อดอฟ์ ฮิตเลอร์จะตัดสินใจฆ่าตัวตาย

หลังจากนั้นกองทัพของสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสบุกเข้าเบอร์ลินทางตะวันตก ก่อนที่กองทัพนาซียอมจำนนและเหลือเพียงด้านตะวันออก

จากนั้นในวันที่ 8 พฤษภาคม กองทัพแดงของสหภาพโซเวียตเข้ารุกปิดฉากนาซีจากฝั่งตะวันออกของเบอร์ลิน

ทหารกองทัพแดงบางส่วนบุกฝ่าเข้าไปถึงใจกลางเมือง ปักธงค้อนเคียวขึ้นเหนืออาคารรัฐสภาของเมืองหลวงที่กำลังมอดไหม้ ก่อนที่เยอรมนีจะลงนามในข้อตกลงยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข

ชัยชนะของกองทัพแดงในปี 1945 คือ ช่วงเวลาที่รัสเซียสมัยใหม่ภูมิใจมากที่สุด ไม่มีประวัติศาสตร์หน้าไหนที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าช่วงเวลานี้แล้ว เรื่องราวนี้ถูกเล่าสืบต่อผ่านการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ทุกๆ วันที่ 9 พฤษภาคมของทุกปีคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

อย่างไรก็ดี วันแห่งชัยชนะไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ของรัสเซียเพียงประเทศเดียว แต่ยังเป็นวันแห่งชัยชนะของประเทศต่างๆ ที่เคยอยู่ในสหภาพโซเวียต รวมถึงประเทศพันธมิตรในยุโรปด้วยเช่นกัน

แต่ชาติพันธมิตรยุโรปจะถือเอาวันที่ 8 พฤษภาคมเป็นวันแห่งชัยชนะ เพราะวันที่ 8 พฤษภาคมนั้นตรงกับวันที่รัฐบาลนาซีเยอรมนีประกาศยอมแพ้สงครามแบบไม่มี

ส่วนสาเหตุที่ชาติตะวันตกและรัสเซียนับวันแห่งชัยชนะต่างกัน 1 วัน เป็นผลมาจากการที่ยุโรปและรัสเซียมีเขตเวลาหรือ Time Zone ต่างกัน

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ปี 1945 รัฐบาลนาซีเยอรมนีประกาศยอมแพ้สงครามแบบไม่มีเงื่อนไข และสนธิสัญญายอมแพ้สงครามจะมีผลในช่วงเวลา 23.01 นาฬิกาตามเวลาของกรุงเบอร์ลิน ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวจะตรงกับ 00.01 นาฬิกาของวันที่ 9 พฤษภาคม ตามเวลาของกรุงมอสโก

นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้รัสเซียและชาติตะวันตกเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะห่างกันหนึ่งวัน

สำหรับชาติในยุโรปอย่างฝรั่งเศส เมื่อวานนี้ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้เดินทางไปยังอนุสรณ์สถานสงครามโลกครั้งที่ 2 ในกรุงปารีส เพื่อวางพวงมาลารำลึกถึงวีรชนฝรั่งเศสที่สละชีวิตปกป้องประเทศจากการรุกรานของกองทัพนาซีเยอรมนี

อีกหนึ่งประเทศที่จัดพิธีรำลึกถึงวีรชนและเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะคือ ยูเครน แม้ประเทศกำลังถูกรัสเซียรุกรานอยู่ในตอนนี้

อย่างไรก็ดี ในปีนี้ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้ประกาศเปลี่ยนวันแห่งการเฉลิมฉลองชัยชนะมาเป็นวันที่ 8 พฤษภาคมตามชาติพันธมิตรตะวันตก ซึ่งต่างจากตามธรรมเนียมปฏิบัติในอดีตที่ยูเครนจะเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะวันเดียวกับรัสเซีย

การเปลี่ยนแปลงวันแห่งชัยชนะของยูเครนเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ โดยประธานาธิบดีเซเลนสกีได้ประกาศผ่านวิดีโอที่จัดทำเนื่องในวาระครบรอบ 78 ปีของการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่า เขาได้ยื่นร่างกฎหมายเปลี่ยนแปลงวันแห่งชัยชนะของยูเครนจากวันที่ 9 พฤษภาคมให้กลายเป็นวันที่ 8 พฤษภาคม และส่งให้รัฐสภาลงนามรับรองแล้ว ผู้นำยูเครนได้ให้เหตุผลในการทำเช่นนี้ว่า นี่คือประวัติศาสตร์ของยูเครนไม่ใช่รัสเซีย

หลังจากที่ผู้นำยูเครนออกมาประกาศเปลี่ยนแปลงวันแห่งชัยชนะไม่นาน ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียก็ได้ออกมาให้ความเห็นเรื่องนี้ โดยระบุว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวยูเครนจำนวนมากก็ได้เข้าร่วมกับสหภาพโซเวียตเพื่อต่อต้านกองทัพนาซี ดังนั้นวันที่ 9 พฤษภาคมก็จะยังเป็นวันแห่งชัยชนะสำหรับยูเครนเสมอ และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามคำแถลงใหม่ของผู้นำยูเครน

แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองชัยชนะในรัสเซีย แต่ทางการยูเครนรายงานว่ากองทัพรัสเซียยังโจมตีพื้นที่ต่างๆ ของยูเครนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่กรุงเคียฟ เมืองหลวง

เมื่อช่วเช้าที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น กองทัพอากาศของยูเครนรายงานว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธร่อน รุ่น X-555 และขีปนาวุธชนิดจากอากาศสู่อากาศรุ่น X-101 รวม 25 ลูก โจมตีกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน

อย่างไรก็ดี กองทัพอากาศยูเครนระบุว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศสามารถยิงสกัดขีปนาวุธดังกล่าวได้ 23 ลูก ทำให้มีเพียงแค่ 2 ลูกเท่านั้นที่หลุดรอดไปสร้างความเสียหาย ทั้งนี้ทางการยูเครนรายงานว่าไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น

ส่วนสาเหตุของการโจมตีทางกาศที่เกิดขึ้นถี่ในช่วงนี้ ทางกองทัพยูเครนระบุว่ารัสเซียกำลังพยายามลดประสิทธิภาพการป้องกันทางอากาศของยูเครน ก่อนที่ยูเครนจะเปิดปฏิบัติการโต้กลับในฤดูใบไม้ผลิ